
วันจันทร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552
โรงแรมเชียงใหม่ เกต ร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิด "หลิน ฮุ่ย" 26-28 กันยายน 2552 โดยเสนอราคาห้องพักสุพีเรีย จาก 1350 บาท ลดพิเศษ เหลือเพียง 1000 บาท รวม อา



ร่วมฉลองวันคล้ายวันเกิด "หลิน ฮุ่ย" 26-28 กันยายน 2552
สวนสัตว์เชียงใหม่ โดย นพ. ประเสริฐศักดิ์ บุญตระกูลพูนทวี หัวหน้าโครงการวิจัยและส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าใน ประเทศไทย ได้ฝากแจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ว่าสวนสัตว์เชียงใหม่ กำหนดจะจัดงานคล้ายวันเกิด "8 ปี หลินฮุ่ย
สู่ความเป็นแม่มือใหม่" และจะนำหลินปิงออกโชว์ในส่วนจัดการแสดงเป็นครั้งแรก วันละ 2 รอบ เวลา 10.00 น. และ 15.00 น. ในระหว่างวันที่ 26-28 กันยายน 2552
นับว่าเป็นข่าวดี สำหรับชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวจากทั่วประเทศ ที่จะได้เดินทางมาร่วมแสดงความยินในครั้งนี้
วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552
link
วันอาทิตย์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2552
วัดนันทาราม สถานที่ท่องที่ยวใกล้เคียงโรงแรมเชียงใหม่ เกต

เจ้าอาวาส : พระปลัดบุญธรรม ธมฺมวโร (สุวรรณ)
ประวัติวัด และ กิจกรรม:
วัดนันทาราม ตั้งอยู่นอกประตูเชียงใหม่ เดิมเรียกว่า “บ้านเขิน” ในเขตตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีเนื้อที่ทั้งหมด ๒๗ ไร่ ๓ งาน ๗๖ ตารางวา วัดนี้มีกำแพงสองชั้นล้อมรอบเขตวัด แต่เดิมชั้นในเรียกว่า เขตพุทธาวาส หรือ “ข่วงแก้วทั้งสาม” ซึ่งมีองค์พระเจดีย์ พระวิหาร อุโบสถ ศาลาบำเพ็ญบุญ หอไตร ตั้งอยู่บริเวณด้านใน ส่วนชั้นนอกนั้นเดิมเรียกว่า เขตสังฆาวาส อันมีกุฏิสำหรับพระภิกษุอยู่ เดิมมีกุฏิสองหลัง หลังหนึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของเขตพุทธาวาส เรียกว่า กุฏิเหนือ มีภิกษุสามเณรอยู่คณะหนึ่ง ส่วนอีกหลังหนึ่งตั้งอยู่ทางด้านทิศใต้ของเขตพุทธาวาส เรียกว่า กุฏิใต้ มีภิกษุสามเณรอยู่อีกคณะหนึ่ง ทั้งสองคณะนี้การปกครองในสมัยก่อนนั้นไม่ขึ้นต่อกัน จึงได้นามอีกอย่างหนึ่ง คืออารามเหนือ และอารามใต้ ปัจจุบันอารามเหนือหรือกุฏิเหนือได้ร้างไปแล้ว ส่วนกุฏิใต้นั้นก็ได้ย้ายมาตั้งทางด้านทิศตะวันออกของกุฏิเดิมอีกประมาณ ๑๐ เมตร เรียกว่า “กุฏิต่ำ” หรือภาษาเมืองล้านนาเรียกว่า “โฮงต่ำ”
วัดนันทาราม แต่เดิมเป็นป่าไม้ไผ่ ตามตำนานนั้นกล่าวว่า ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าเมื่อออกพรรษาแล้ว พร้อมด้วยพระอานนท์ พระโสณะเถรเจ้า พระอุตตระเถรเจ้า พระรตนะเถรเจ้า ได้เสด็จออกจากเมืองกุสินารา ซึ่งขณะนั้นพญาอโศกราชครองเมืองกุสินาราอยู่ พร้อมด้วยพญาอินทร์ก็มาอุปฐากพระพุทธเจ้าและพระเถรเจ้าทั้ง ๔ องค์นั้น ก็ได้เสด็จเทศนาธรรมสั่งสอนแก่คนและเทวดาทั้งหลาย ในบ้านน้อยเมืองใหญ่ตามลำดับ จนกระทั่งเสด็จมาถึงเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นเมืองเชียงใหม่เป็นที่อยู่อาศัยของพวกบ้านธะมิระทั้งหลาย พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระเถรเจ้าทั้ง ๔ องค์ได้เสด็จมาถึงวัดบุพผารามหรือวัดสวนดอกก่อน พระพุทธองค์ก็ไว้ เกศา ๑ เส้น แล้วเสด็จไปวัดอโศการาม ก็ไว้เกศา ๑ เส้น เสด็จไปวัดปิจาราม ก็ไว้เกศา ๑ เส้น เสด็จไปวัดสังฆาราม ก็ไว้เกศา ๑ เส้น เสด็จไปวัดโชติการาม ก็ไว้เกศา ๑ เส้น พระพุทธองค์พร้อมด้วยพระเถรเจ้าก็เสด็จไปทางทิศหรดีหรือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ขณะนั้นมีนายธะมิระผู้หนึ่งสร้างตูบ หรือกระต๊อบหลังหนึ่งอยู่รักษาสวนในป่าไผ่นั้น พระพุทธองค์และพระเถระเจ้าก็เสด็จไปยังที่แห่งนั้น นายธะมิระจึงอาราธนาพระพุทธเจ้าและพระเถรเข้าอยู่สำราญในตูบของตนคืนหนึ่ง พอรุ่งเช้านายธะมิระก็ถวายภัตตาหารแก่พระพุทธองค์และพระเถระ เมื่อภัตกิจเสร็จแล้ว พระพุทธองค์จึงได้ทำนายว่า “ฐานะที่นี้จะเป็นอารามอันหนึ่งในภายภาคหน้า ได้ชื่อว่า นันทาราม หรือนันตาราม” แล้วพระพุทธองค์ก็ถอดเกศาเส้นหนึ่งไว้แก่นายธะมิระ เมื่อนั้นนายธะมิระก็อาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถรเจ้าไปประทับชั่วคราวในสวนของตน แล้วก็ทำมณฑปอันใหญ่ประกอบด้วยเครื่องประดับทั้งหลาย เป็นต้นว่า ดอกไม้นานาชนิด เพื่อเป็นที่สำราญแก่พระพุทธองค์ บรรจุไว้ในที่ประทับชั่วคราวแห่งนี้ ก่อเจดีย์สูงสามศอก ณ ที่แห่งนี้ปัจจุบันคือวัดนันทาราม นั้นแล
ในขณะนั้น ยังมีนายธะมิระอีกผู้หนึ่งมีความปิติยินดีในคุณพระพุทธองค์เป็นอันมาก ก็เอาผ้าสะใบของตนทำเป็นช่อตุงบูชาพระพุทธเจ้า แล้วก็อาราธนาพระพุทธเจ้าพร้อมด้วยพระเถระเจ้าเสด็จไปโชติการามหรือวัดเจดีย์หลวง ยังมีนายสิงหนาทอีกผู้หนึ่งอายุได้ ๑๐๖ ปี เห็นพระพุทธเจ้าก็บังเกิดความปิติชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง จึงนำเอาผ้าสะใบของตนชุบน้ำมันจุดบูชาพระพุทธเจ้าด้วยจิตศรัทธา และได้ถวายผ้าสังฆาฏิแก่พระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “ตถาคตมาถึงที่นี้ นายธะมิระเอาผ้าสะใบทำเป็นช่อตุงบูชา และมาบัดนี้สิงหนาทได้ถวายผ้าสังฏาฏิ และเอาผ้าสะใบชุบน้ำมันจุดบูชาเราอีก นิมิตอันดีนี้ภายภาคหน้าที่นี่จักเป็นมหานครอันหนึ่ง มีชื่อว่า “พิงค์นคร” และเป็นที่อยู่แห่งแก้วทั้งสาม รูปของตถาคตชื่อว่า พระแก้ว พระสิงห์ จะมาตั้งอยู่ในเมืองอันนี้ เพื่อเป็นที่สัการะบูชาแก่คน และเทวดาทั้งหลายต่อไปภายหน้า” ในกาลนั้นพระอินทร์และพญาอโศกราชได้ขอเอาเกศาธาตุของพระพุทธเจ้า นำไปใส่บอกไม้ซาง ใส่ผอูบคำใบใหญ่แล้วนำไปบรรจุหลุม ลึกได้ ๕ วา บางตำนานก็ว่าลึก ๑๐๐ วา กว้าง ๕๐ วา ทำพื้นราบเสมอดีงามแล้ว เรียงด้วยแผ่นหินทำแท่นทองคำตรงกลางหลุมเอาผอูบเกศาธาตุตั้งเหนือแท่นคำนั้น นายธะมิระก็ใส่ข้าวของมีมูลค่าสินล้านบูชาเกศาธาตุ พระอินทร์ก็นำเอาหินมาปิดไว้ข้างบน ก่อเจดีย์สูงได้สามศอกไว้เป็นที่กราบไหว้ และบูชาแก่คนแลเทวดาทั้งหลาย ขณะนั้นพระพุทธองค์จึงตรัสว่า “เมื่อใดตถาคตนิพพานแล้ว ท่านทั้งหลายจงเอามือขวาแห่งเราตถาคต มาไว้กับเกศาธาตุที่นี่” ณ ที่นี้จึงมีชื่อเรียกว่า พระธาตุเจดีย์หลวง จากนั้นพระพุทธองค์พร้อมด้วยพระเถระก็เสด็จไปยังบ้านกุมภะเศรษฐี ทรงไว้เกศาหนึ่งเส้น แล้วก็เสด็จกลับเมืองกุสินาราพร้อมด้วยพระเถระเจ้าทั้ง ๔ องค์ในวันนั้นแล
ในสมัยอดีตกาล วัดนันทารามแห่งนี้ เป็นวัดที่เจริญรุ่งเรือง ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระอารามหลวง อยู่ในจำนวนพระอารามทั้ง ๘ แห่ง อันประกอบด้วย ๑. วัดสังฆาราม หรือ วัดเชียงมั่นในปัจจุบัน ๒. วัดมหาโพธาราม หรือ วัดเจ็ดยอด ๓. วัดโชติการาม หรือ วัดเจดีย์หลวง ๔. วัดตโปทาราม หรือ วัดร่ำเปิง ๕. วัดบุพผาราม หรือ วัดสวนดอก ๖. วัดฑีฆาวะวัสสาราม หรือ วัดเชียงยืน ๗. วัดบุพพาราม และ ๘. วัดนันทาราม
โดยชาวไทยยวน คือชาวล้านนาไทย โดยเฉพาะชาวนครเชียงใหม่ถือกันว่า วัดทั้ง ๘ แห่งนี้ มีความสำคัญจึงเรียกกันว่า “พระอาราม ๘ แห่ง” แต่ว่ามีความสำคัญในทางใดนั้น ยังหาหลักฐานเข้าใจไม่ได้ถ่องแท้ แต่เชื่อว่าคงจะเป็นที่ไว้เกศาธาตุ ๘ แห่งของพระพุทธองค์
วัดนันทาราม สันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้นหลังจากนครเชียงใหม่สร้างขึ้นมาแล้ว พระเจ้าเม็งรายทรงสร้างนครเชียงใหม่เมื่อปีดับเม็ด พ.ศ. ๑๘๓๘ และวัดนันทารามคงสร้างขึ้นก่อนการสร้างกำแพงเวียงชั้นนอก
วัดนันทารามนี้เคยปรากฏว่า เป็นที่สถิตของพระเถรานุเถระมากองค์ด้วยกัน ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ปราชญ์เปรื่องในพระธรรมวินัย อรรถคาถาบาลีเป็นจำนวนมาก เช่น สมเด็จพระธรรมกิตติ อดีตเจ้าอาวาสวัดนันทาราม หรือพระมหาญาณคัมภีระ ซึ่งเป็นพระเถระชาวเชียงใหม่องค์สำคัญรูปหนึ่งที่มีบทบาทต่อวงการคณะสงฆ์ และมีอิทธิพลต่อการฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในเชียงใหม่และล้านนาเป็นอย่างมาก ดังปรากฏตามตำนานว่า พระเจ้าสามฝั่งแกนจึงไปอาราธนา พระมหาพุทธคัมภีระมาจากวัดหมื่นซ้าย มาปกครองแทนพระมหาเถระ อยู่จำพรรษาได้ ๑๔ พรรษา ก็ถึงกาลมรณะภาพ พระเจ้าสามฝั่งแกนมีศรัทธาเลื่อมใสพระมหาเถรมาก ทรงรักษาศีลและสดับรับฟังพระธรรมเทศนามิได้ขาด ครั้นในปีต่อมาพระสิทธันตะ แห่งวัดบุปผารามพร้อมด้วยศิษย์อีก ๓ รูป ได้พากันเดินทางไปจาริกแสวงบุญนมัสการพระทันตธาตุที่ลังกาประเทศ เมื่อกลับมาถึงนครพิงค์เชียงใหม่ในเดือน ๖ เพ็ญ วิสาขะ ท่านได้ไปลงอุโบสถสังฆกรรมที่ วัดโชติการาม หรือวัดเจดีย์หลวง ท่ามกลางนครพิงค์ ท่านได้พูดในที่ประชุมสงฆ์ว่า "ข้าพเจ้าไป นมัสการพระบรมธาตุที่ลังกา พักอยู่สำนักพระมหาสุรินทรเถระวัดอุปารามได้ ๒ พรรษา พระสงฆ์ลังกาถามข้าพเจ้าในเรื่องการปฏิบัติสังฆกรรมต่างๆ ในบ้านเมืองเรา ข้าพเจ้าก็เล่าให้พระสงฆ์ลังกาฟังอย่างที่พระในเมืองเราปฏิบัติกัน พระสงฆ์ลังกาท่านว่า ถ้าปฏิบัติอย่างนั้นไม่เป็นที่ถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติข้อนี้แล” ครั้งนั้นจึงเป็นเหตุให้พระมหาญาณคัมภีระ ภิกษุหนุ่มชาวนครพิงค์ ผู้ใคร่ต่อการศึกษาได้ยินพระสิทธันตะพูดในที่ประชุมสงฆ์นั้น จึงชักชวนผู้รักษาในพระพุทธศาสนารวมสหธรรมิกเดินทางรอนแรมเป็นระยะทางอันไกล เพื่อไปศึกษาสืบเอาพระศาสนาแบบลังกาวงศ์มาตั้งและเผยแพร่ร่วมกับพระเมืองใต้อีกหลายรูป ณ กรุงศรีอยุธยา แล้วกลับมาเผยแพร่และตั้งคณะสงฆ์แบบลังกา ที่สำนักวัดรัตตวนมหาวิหาร หรือวัดป่าแดงหลวง เพื่อลบล้างลัทธิแบบพระมหาสุมนะเถระขึ้นในลานนาประเทศ
พระมหาญาณคัมภีระเมื่อเป็นเด็กมีชื่อว่า เด็กชายสามจิต เป็นบุตรของพันตาแสง เสนาบดีของพระเจ้าสามฝั่งแกน ได้นำบุตรชายของตนไปถวายให้เป็นลูกศิษย์ของสมเด็จพระธรรมกิตติ ยังสำนักวัดนันทาราม ก่อนที่พันตาแสงจะเอาบุตรของตนมาถวายนั้น ในคืนนั้นสมเด็จพระธรรมกิตติได้ฝันว่า มีช้างเผือกตัวหนึ่งมาจากทิศตะวันออกเข้ามาในวัด และเข้าไปในหอไตร ใช้งาแทงหีบพระไตรจนแตก แล้วใช้งวงจับเอาพระคัมภีร์ใบลานเคี้ยวกินจนหมด แล้วเข้ามาหาสมเด็จพระธรรมกิตติ คุกเข่าต่อหน้า แล้วก็ออกเดินไปทางทิศเหนือ พอรุ่งขึ้นจวนเที่ยงวัน พันตาแสงจึงเอาบุตรชายอายุได้ ๑๓ ปี ชื่อเด็กชายสามจิต มาถวายเป็นศิษย์ สมเด็จพระธรรมกิตติจึงรับไว้ และได้สอนพระธรรมกัมมัฏฐานให้ จนได้บวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดนันทารามนี้ มีชื่อว่า สามเณรสามจิต บวชเรียนได้ ๘ พรรษาเรียนจบพระคัมภีร์ต่างๆ อย่างแตกฉาน พออายุได้ ๒๑ ปี ก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีชื่อว่า พระญาณคัมภีระ อยู่ได้ ๑ พรรษา สมเด็จพระธรรมกิตติก็อนุญาตให้พระญาณคัมภีระเป็นผู้ดูแลสั่งสอนแก่พระภิกษุสามเณรต่อไป ส่วนสมเด็จพระธรรมกิตติก็ย้ายไปอยู่วัดปันเล้า ต่อมาสมเด็จพระธรรมกิตติจึงสั่งให้พระมหาญาณคัมภีระ ไปเรียนพระคัมภีร์ที่อโยธยา และเมืองลังกา พระญาณคัมภีระจึงรับคำ แล้วก็เข้าเฝ้าพระเจ้าสามฝั่งแกน พระเจ้าสามฝั่งแกนเห็นดีด้วย ที่จะให้พระศาสนาเจริญมั่นคง จึงให้บริขารและเงิน ๕ กะหาปะนะ ส่วนสมเด็จพระธรรมกิตติได้แต่งตั้งให้พระอีก ๕ รูป คือ พระเมธัมกะระองค์หนึ่ง พระญาณมังกะระ อยู่วัดกุฏีคำอีกองค์หนึ่ง พระจันตะรังษีองค์หนึ่ง พระญาณสิธิ วัดนันทาราม พร้อมด้วยพระญาณคัมภีระเป็นหัวหน้า และเสนาของพระเจ้าสามฝั่งแกน เดินทางไปศึกษาพระธรรมวินัย ถึงเมืองอโยธยาแล้วออกไปเมืองลังกา พอเรียนจบพระธรรมวินัยแล้วในปี ศักราช๗๙๑ ปีกาบเล้าศาสนาร่วงแล้ว ๑๙๗๑ เดือน ๙ ออก ๖ ค่ำ ก็กลับคืนมา ต่างองค์ก็สั่งสอนศาสนาในสาระทิศต่างๆ เมื่อพระญาณคัมภีระไปในทิศทางใด คนก็เข้าไปบวชเรียนและเรียนพระธรรมวินัยเป็นอันมาก ทำให้พระศาสนาเจริญรุ่งเรืองตั้งแต่นั้นมา
ลำดับพระญาณคัมภีระเป็นฆราวาสได้ ๑๓ ปี บวชเป็นสามเณรได้ ๘ พรรษา เป็นพระได้ ๑๑ พรรษา ไปอยู่วัดบ้านลานกุมกามหัวเวียง ๒ พรรษา ไปอยู่ลังกา ๕ พรรษา ไปอยู่อโยธยา ๑ พรรษา ไปอยู่สุโขทัย ๑ พรรษา ไปอยู่ละกอน ๓ พรรษา ไปอยู่เมืองวัน ๑ พรรษา มาถึงปีเต่าสันศักราช ๘๑๕ พญาแก้วตาหลวงไปอาราธนาพระญาณคัมภีระที่เมืองวังกลับนครพิงค์ พอเดินทางมาถึงบ้านเชิงดอยหัวเวียงเมือง พระญาณคัมภีระป่วยเป็นไข้ป่าได้ถึงมรณภาพ ณ ที่นั้น ซึ่งปัจจุบันคือ พระธาตุดอยเกิ้งญาณคัมภีระ วัดบ้านขาม จังหวัดลำปาง สิริรวมอายุได้ ๖๒ ปี
วัดนันทาราม ยังมีอดีตเจ้าอาวาสที่สำคัญ นั่นคือ พระครูสารภังค์ นามเดิม เจ้าเทพวงศ์ ณ เชียงตุง เลื่อนขั้นเป็นพระครูประทวน พระครูเทพวงศ์ ฉายา เทววํโส เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๙๙ มีการประชุมสงฆ์ ข้าราชการเจ้านาย โดยมีพ่อเจ้าอินทวโรรสสุริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เป็นประธานฝ่ายฆราวาส เจ้าคุณพระธรรมวโรดมเป็นองค์ประธานฝ่ายสงฆ์ ได้แต่งตั้งพระราชาคณะ เจ้าอาวาสวัดต่างๆ และได้แต่งตั้งเจ้าตุ๊เทพวงศ์ สังฆราชที่ ๗ วัดนันทารามแขวงเมืองเชียงใหม่ ขึ้นเป็นพระครูเทพวงศ์ และปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ปีวอก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ พระราชทานเครื่องบริขารขึ้นมา ๕ สำรับ ทรงแต่งตั้งสมณศักดิ์พระราชทานทินนนาม พระครูเทพวงศ์ วัดนันทาราม เป็นพระครูสารภังค์ ตำแหน่งพิเศษเป็นพระอุปัชฌายะ และสังฆราชา องค์ที่ ๗ เจ้าคณะแขวงสะมิง ปี พ.ศ. ๒๔๕๖ พระครูสารภังค์ เจ้าคณะแขวงสะเมิงพ้นจากตำแหน่ง ยกขึ้นเป็นเจ้าคณะแขวงกิตติมศักดิ์ เพราะชราภาพ
ท่านพระคุณเจ้าเป็นเชื้อราชวงศ์เชียงตุง มีพระอุปนิสัยน้อมทางเนกขัมมะบารมี บรรพชาอุปสมบทมอบกายถวายชีวิตแด่พระพุทธศาสนา บำเพ็ญศาสนกิจจนตราบอายุขัย พระคุณท่านสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้คณะสงฆ์เมืองเชียงใหม่ และวัดนันทารามมากองค์หนึ่ง ในสมัยรัตนโกสินทร์
โบราณสถาน :
โบราณวัตถุสถานที่สำคัญภายในวัดนันทาราม ประกอบด้วย
พระบรมธาตุเจ้าเจดีย์ ซึ่งถือเป็นปูชนียสถานที่ทางตำนานพื้นเมืองและตำนานโยนกนครกล่าวรับรองถูกต้องพร้องกันว่า เป็นพระเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระบรมศาสดามาตั้งแต่ครั้งดึกดำบรรพ์แล้ว และเมื่อปี พ.ศ. ๒๐๖๒ เดือน ๓ ขึ้น ๑๐ ค่ำ วันอาทิตย์ พระเจ้าปนัดดาธิราชฯ ทรงให้สร้างพระเจดีย์องค์ สูง ๓๐ ศอก กว้าง ๒๐ ศอก ครึ่งครอบพระเจดีย์องค์เดิมซึ่งสูงเพียง ๓ ศอก และพระองค์ทรงบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้มาจากพระภิกษุชาวลังกาไว้ที่บนคอระฆัง เมื่อนับถึงกาลปัจจุบันมีอายุได้ ๔๘๘ ปีล่วงมาแล้ว
ปี พ.ศ. ๒๕๐๔ พระอธิการอิ่นแก้ว ธมฺมรตโน (มณีรัตน์) เมื่อได้รับเป็นสมภารเจ้าวัดก็ได้ทำการยกฉัตร ปิดทองใหม่พระธาตุ และหล่อฉัตรจัตุรมุข ทั้ง ๔ ด้าน
ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ได้หุ้มแผ่นทองเหลือง จำนวน ๑,๓๐๔ แผ่น รอบองค์พระเจดีย์พร้อมทั้งลงรักปิดทอง และสร้างรั้วเหล็กรอบองค์พระเจดีย์ และรางเหล็กไว้เพื่อจุดเทียนรอบองค์พระเจดีย์ การบูรณะพระเจดีย์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒ โดยการนำของท่านพระปลัดบุญธรรม ธมฺมวโร และได้ฉลองสมโภชเมื่อ ปีพ.ศ. ๒๕๔๓ และเมื่อกำหนดวันเดือนเป็ง เดือน ๖ เหนือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ทางวัดจะจัดให้มีงานประเพณีสรงน้ำพระ และองค์พระเจดีย์ขึ้นเป็นประจำทุกปีต่อเนื่องกันมาแต่โบราณ ตราบจนทุกวันนี้
พระพุทธไสยาสน์โบราณองค์ใหญ่ หรือพระนอน ยังไม่พบหลักฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่มีความสวยงามยิ่งนัก หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ ทอดพระเนตรไปหาองค์พระเจดีย์ มีวิหารครอบอย่างถาวร พระพุทธไสยาสน์องค์นี้มีขนาด พระอุระกว้าง ๘๒ ซม., พระพักตร์ยาว ๗๐ ซม., พระบาทยาว ๗๓ ซม., พระพาหายาว ๓.๔ ซม., พระโมลียาว ๔๗ ซม., พระเศียรวัดโดยรอบ ๑.๓ ซม., พระวรกายยาวจากพระโมลี – พระบาท ๑๒๐ ซม.
พระวิหาร ตั้งอยู่อย่างสง่างาม เป็นรูปแบบศิลปกรรมแบบล้านนาไทยโดยแท้ สร้างขึ้นแล้วบูรณะซ่อมแซมสืบต่อกันมาหลายชั่วอายุคน และเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๐๕ พระเจ้ากาวิโรรสสุริยวงศ์ ล่องลงไปเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ณ กรุงเทพมหานคร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเกียรติยศเพิ่มขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่แล้ว กราบถวายบังคมทูลลากลับเชียงใหม่ จึงให้สร้างพระวิหารวัดนันทาราม เมื่อวันเสาร์เดือน ๔ แรม ๑๕ ค่ำ ปีระกา ตรีศก และให้ปั้นรูปพระยาครุฑ บิดแขวนโอบรอบอกพระยานาค ๒ ตัว ข้างบันไดซ้าย-ขวา คือสัญลักษณ์ที่ได้รับพระราชทานเกียรติยศเป็นเจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ถือเป็นศิลปกรรมอันงดงามที่ไม่ซ้ำแบบวัดอื่นๆ ในเมืองเชียงใหม่
พระอุโบสถ ขนาดกว้าง ๕ เมตร ยาว ๑๕ เมตร สูง ๑ ชั้น ลักษณะทรงล้านนา เมื่อวันพุธที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ พระอธิการอิ่นแก้ว ได้ทำการรื้ออุโบสถหลังเดิม และทำการปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่โดยไว้รูปทรงแบบเดิม และได้ทำการทำบุญฉลองเมื่อวันจันทร์ที่ ๑๖-๒๒ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๓ หลังจากนั้นพระปลัดบุญธรรม ธมฺมวโร (สุวรรณ) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ทำการปฏิสังขรณ์ในส่วนที่ชำรุด และปรับภูมิทัศน์บริเวณรอบพระอุโบสถ และได้ทำการถวายไว้ในพระพุทธศาสนาในปี พ.ศ. ๒๕๔๙
หอธรรม หรือ หอไตรปิฎก หอธรรมหลังเดิมนั้นสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระธรรมกิตติ อดีตเจ้าอาวาสวัดนันทาราม ต่อมา วันพฤหัสบดีที่ ๑๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๔ เดือน ๖ เหนือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีเส็ด พระอธิการอิ่นแก้ว ได้สร้างศาลาบาตรรวมหอธรรมหรือหอไตร ออกแบบถาวร รูปแบบศิลปกรรมแบบผสม แล้วได้ทำบุญฉลองสมโภช เมื่อวันที่ ๕-๗ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๙ ตรงกับเดือน ๘ เหนือ ขึ้น ๗-๙ ค่ำ ปีจอ
ส่วนหอธรรมหลังใหม่ ซึ่งได้สร้างแทนหอธรรมหลังเดิมนั้น ตั้งอยู่บริเวณหลังพระวิหารทางด้านทิศเหนือ ในลักษณะทรงล้านนาประยุกต์ สีขาว มีลักษณะเด่นสวยงาม ได้สร้างแล้วเสร็จ และถวายไว้เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗
ซุ้มประตูโขง ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของวัด สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ เป็นการสร้างเพื่ออนุรักษ์ซุ้มประตูโขงของเดิมไว้ พร้อมกับก่อสร้างกำแพงด้วยศิลาแลง
รูปปั้นพระญาณคัมภีระ สร้างเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๑ โดยพระอธิการอิ่นแก้ว ได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระญาณคัมภีระ ที่ทรงมีบทบาทอันสำคัญยิ่งต่อวงการคณะสงฆ์ของล้านนาไทย ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ด้านข้างของอุโบสถวัดนันทาราม
บ่อน้ำโบราณ มีมาตั้งแต่ครั้งสมเด็จพระธรรมกิตติ และเคยใช้น้ำในบ่อน้ำแห่งนี้สรงพระธาตุ ในงานสรงน้ำพระธาตุประจำปีเป็นประจำทุกปี
วัดนันทารามแห่งนี้ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญมากในอดีต ครั้งหนึ่งได้เคยใช้สถานที่แห่งนี้จัดถวายพระเพลิงพระบรมศพของกษัตริย์ คือพระเจ้ายอดเชียงราย และเคยเป็นที่พำนักของพระราชาคณะชั้นสมเด็จ คือ สมเด็จพระธรรมกิตติ ในสมัยรัชกาลพระเจ้าสามฝั่งแกน กษัตริย์เชียงใหม่ล้านนา ทั้งยังเป็นศูนย์การศึกษาศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณีหลายสาขา เช่น การศึกษาอักษรพื้นเมือง อักษรฝักขาม อักษรขอมเมือง อักษรไทยใหญ่ ภาษาบาลี การเทศน์ทำนองมหาชาติแบบเมืองเหนือ การจารอักษรลงบนใบลาน ตำรายาโหราศาสตร์ และยังเป็นสถานที่ทัศนศึกษาแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ มีโบราณวัตถุ โบราณสถาน และใบลานตำราต่างๆ สำหรับค้นคว้ามากมาย
กิจกรรมที่สำคัญของวัดนันทารามคือการเผยแผ่หลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา การสืบทอดและสืบสานศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่น การจัดประเพณีสรงน้ำพระธาตุ เป็นประจำทุกปีเมื่อถึงกำหนดวันเดือนเป็ง เดือน ๖ เหนือ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ซึ่งถือเป็นประเพณีปฏิบัติที่ทางวัดปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบันวัดนันทาราม ตั้งอยู่ในเขตตำบลหายยา อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ มีพระปลัดบุญธรรม ธมฺมวโร (สุวรรณ) เป็นเจ้าอาวาสตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๙- ปัจจุบัน ท่านพระปลัดบุญธรรม ธมฺมวโร ได้พัฒนาวัด และรักษาขนบธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีงามของวัดมาโดยตลอด ทำให้วัดนันทารามมีความสวยงาม สะอาด สงบ ร่มรื่น มีขนบธรรมเนียม วัฒนธรรม ประเพณี ที่ยังคงคุณค่าของความเป็นล้านนา เป็นศูนย์กลางและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน ศรัทธาประชาชน และเป็นศูนย์รวมในการประกอบกิจกรรมทั้งของวัดและชุมชน เช่น ประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุเจ้า กิจกรรมพัฒนาชุมชน อีกทั้งยังเป็นสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน เหมาะแก่การอนุรักษ์ รักษาให้คงอยู่สืบต่อไป
ขอบคุณผู้เขียนบทความ ที่มา : http://www.lannatalkkhongdee.com/templeDetail.php?id=Temp0800008
แนะนำร้านอาหารอร่อย บริเวณใกล้เคียงโรงแรมเชียงใหม่เกต
วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552
ที่พัก**โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่**++โรงแรมเชียงใหม่เกต++แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเชียงใหม่ วันนี้ขอเสนอ ปางช้างแม่สา อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

"ปางช้างแม่สา" ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก ใช้เวลาขับรถจากตัวเมืองมาถึงปางช้างภายในเวลาประมาณ 20 นาที โดยคุณสามารถสัมผัสได้กับธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ของสองข้างทางไปจนถึงปางช้างแม่สา
จากประสบการณ์ที่มากกว่า 30 ปี และจำนวนช้างที่มีกว่า 70 เชือกที่อยู่ภายใต้การเลี้ยงดูอย่างดี เป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าปางช้างกำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำและเชี่ยวชาญในด้านการดูแลช้าง การสืบพันธุ์ช้าง รวมทั้งการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
หากมองย้อนกลับไปเมื่อช่วงหลายทศวรรษที่แล้ว เราคงจะคุ้นเคยกับภาพของการใช้ช้างในงานอุตสาหกรรมป่าไม้เป็นส่วนมากในเขตป่าของพื้นที่ภาคเหนือ แต่เนื่องด้วยการตระหนักถึงคุณค่าในความฉลาดและความสามารถที่มีมากของช้างแล้ว "คุณชูชาติ กัลมาพิจิตร" จึงได้ก่อตั้งปางช้างแม่สาขึ้นในพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ที่อยู่ติดกับลำน้ำแม่สาในเขตหุบเขาแม่สาเมื่อปี พ.ศ. 2519 นับตั้งแต่นั้น คุณชูชาติได้ทำการซื้อช้างจากที่ต่างๆ มาเพื่อทำการฝึกและพัฒนาทักษะต่างๆ
โดยมีความมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ความสามารถของช้างเหล่านี้ให้แก่นักท่องเที่ยวผู้ที่หลงเสน่ห์ในความน่ารักของช้างและหวังว่านักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะเกิดความรักและตระหนักในคุณค่าของช้างไทย
ปางช้างแม่สาเป็นปางช้างแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับมาตรฐาน ISO 9001 version 2008 เนื่องจากมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอปางช้างยุคใหม่ที่นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ถึงการดูแลเอาใจใส่ที่ดีต่อช้างทุกเชือกและมีความมั่นใจว่าช้างทุกเชือกอยู่อย่างอิ่มท้องและมีความสุข
พร้อมทั้งยังมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ความสามารถและความฉลาดของช้างไทยรวมทั้งส่งเสริมให้บุคคลทั่วไปตระหนักถึงความสามารถของช้างไทย
คุณชูชาติยังได้ก่อตั้งโครงการส่งเสริมสืบสานสายพันธุ์ช้างไทยขึ้นเพื่อเป็นการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนประชากรช้างไทย และอนุรักษ์ช้างไทย
โดยช้างที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงจะถูกคัดเลือกให้ทำการสืบพันธุ์เพื่อให้กำเนิดสมาชิกใหม่ที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง
ด้วยการเลี้ยงดูอย่างดีและเชี่ยวชาญนี้ คุณสามารถมั่นใจได้ว่าช้างทุกเชือกที่อยู่ภายใต้การดูแลของเราจะมีสุขภาพกายและใจที่สมบูรณ์แข็งแรง
วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2552
ที่พักราคาถูกในจังหวัดเชียงใหม่++แนะที่พักที่ราถูกในเชียงใหม่++:: รายละเอียดห้องพักโรงแรมเชียงใหม่ เกต
:: รายละเอียดห้องพัก
โรงแรม เชียงใหม่เกต ให้บริการห้องพักทั้งสิ้น 120 ห้อง ห้องพัก ได้รับการตกแต่งอย่างสวยวิจิตรในแบบล้านนา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีให้บริการทั้งสิ้น 5 ประเภท คือ 1. ห้อง Standard จำนวน ทั้งสิ้น 64 ห้อง ขนาด 33.8 ตารางเมตร 2. ห้อง Superior จำนวนทั้งสิ้น 35 ห้อง ตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนา หรือ บูติค มี 2 แบบคือ ศรีสุพรรณ ซึ่งได้รับการตกแต่งแบบวัดศรีสุพรรณ คือ ตกแต่งด้วยเครื่องเงิน ซึ่งได้รับการแกะสลักที่สวยงาม ด้วยช่างฝีมือดีของชาวเหนือ และแบบธาตุคำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องพักอิงจากวัดธาตุคำ เช่น การลงลักปิดทองด้วยตัวอักษรตัวเมืองท้องถิ่น เป็นต้น ขนาด 20 ตารางเมตร3. ห้อง Deluxe จำนวน 18 ห้อง ตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนา ขนาด 24 ตารางเมตร4. ห้อง Junior Suite จำนวน 2 ห้อง ตกแต่งโดยอิงจากวัดนันทาราม ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 5. ห้อง Royal Suite จำนวน 1 ห้อง ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ได้รับการตกแต่งโดยอิงจากวัดธาตุคำและวัดนันทาราม
Standard
ห้อง Standard คือห้องพักที่มีขนาดรวมห้องน้ำพื้นที่ 30 ตารางเมตร และมีระเบียงกว้าง 3.8 ตารางเมตร จำนวน 64 ห้อง มีทั้งเตียงขนาด King Size และ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล
ราคา : 1,000 บาท
ภาพห้องพัก
Superior
ห้อง Superior คือห้องพักที่ได้รับการตกแต่งแบบล้านนา หรือบูติคสไตล์ โดยได้แรงบันดาลใจจากวัดศรีสุพรรณ และวัดธาตุคำ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในละแวกโรงแรมและมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวชัดเจน จำนวนทั้งสิ้น 35 ห้อง ขนาด 21 ตารางเมตร รวมห้องน้ำ ห้องนี้ไม่มีระเบียง มีทั้ง เตียงขนาด King Size และ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม
ราคา : 1,350 บาท
ภาพห้องพัก
Deluxe
ห้อง Deluxe คือห้องพักที่ได้รับการตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากวัดศรีสุพรรณ และวัดธาตุคำ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในละแวกโรงแรมและมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวชัดเจน มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ห้อง ขนาด 26 ตารางเมตร รวมห้องน้ำและระเบียง มีทั้ง เตียงขนาด King Size และ Twin Bed
ราคา : 1,750 บาท
ภาพห้องพัก
Junior Suite
ห้อง Junior Suite ตกแต่งโดยอิงจากวัดนันทาราม ประกอบด้วย 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนั่งเล่น มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ห้อง ขนาด 45 ตารางเมตร มีแต่ Kingsize Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม ชุดชงกาแฟ
ราคา : 2,550 บาท
ภาพห้องพัก
Royal Suite
ห้อง Royal suite ตกแต่งโดยอิงจากวัดธาตุคำและวัดนันทาราม มี จำนวน 1 ห้อง ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น มีแต่ Kingsize Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม ชุดชงกาแฟ
ราคา : 4,000 บาท
:: สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก โทรศัพท์สายตรง โทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศ เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี ตู้เย็น ตู้นิรภัย อ่างอาบน้ำ ฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม ห้องประชุม / ห้องจัดสัมมนา สระว่ายน้ำ สปา / นวดแผนไทย ห้องอาหาร ห้องคาราโอเกะ / ผับ บริการอินเทอร์เน็ต บริการรับส่ง บริการซัก อบ รีด
แนะนำที่พักในจังหวัดเชียงใหม่++โรงแรมเชียงใหม่เกต++ ใจกลางเมือง ใกล้ถนนคนเดิน วันเสาร์ บริการส่งฟรี ไนท์บาซ่าร์ทุกคืน

เชียงใหม่ เกต โฮเทล11/10 ถ.สุริยวงศ์ ต.หายยาอ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50100โทร: 0 5320 3895-9 แฟ็กซ์: 0 5327 9085 อีเมล: http://www.chiangmaigatehotel.com/ เว็บไซต์: http://www.chiangmaigatehotel.com/
:: รายละเอียดห้องพัก
โรงแรม เชียงใหม่เกต ให้บริการห้องพักทั้งสิ้น 120 ห้อง ห้องพัก ได้รับการตกแต่งอย่างสวยวิจิตรในแบบล้านนา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีให้บริการทั้งสิ้น 5 ประเภท คือ
Standard
ห้อง Standard คือห้องพักที่มีขนาดรวมห้องน้ำพื้นที่ 30 ตารางเมตร และมีระเบียงกว้าง 3.8 ตารางเมตร จำนวน 64 ห้อง มีทั้งเตียงขนาด King Size และ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล
ราคา : 1,000 บาท
ภาพห้องพัก
Superior
ห้อง Superior คือห้องพักที่ได้รับการตกแต่งแบบล้านนา หรือบูติคสไตล์ โดยได้แรงบันดาลใจจากวัดศรีสุพรรณ และวัดธาตุคำ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในละแวกโรงแรมและมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวชัดเจน จำนวนทั้งสิ้น 35 ห้อง ขนาด 21 ตารางเมตร รวมห้องน้ำ ห้องนี้ไม่มีระเบียง มีทั้ง เตียงขนาด King Size และ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม
ราคา : 1,350 บาท
ภาพห้องพัก
Deluxe
ห้อง Deluxe คือห้องพักที่ได้รับการตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากวัดศรีสุพรรณ และวัดธาตุคำ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในละแวกโรงแรมและมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวชัดเจน มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ห้อง ขนาด 26 ตารางเมตร รวมห้องน้ำและระเบียง มีทั้ง เตียงขนาด King Size และ Twin Bed
ราคา : 1,750 บาท
ภาพห้องพัก
Junior Suite
ห้อง Junior Suite ตกแต่งโดยอิงจากวัดนันทาราม ประกอบด้วย 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนั่งเล่น มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ห้อง ขนาด 45 ตารางเมตร มีแต่ Kingsize Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม ชุดชงกาแฟ
ราคา : 2,550 บาท
ภาพห้องพัก
Royal Suite
ห้อง Royal suite ตกแต่งโดยอิงจากวัดธาตุคำและวัดนันทาราม มี จำนวน 1 ห้อง ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น มีแต่ Kingsize Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม ชุดชงกาแฟ
ราคา : 4,000 บาท
:: สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก โทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศ เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี ตู้เย็น ตู้นิรภัย โทรศัพท์สายตรง อ่างอาบน้ำ ฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม สระว่ายน้ำ สปา / นวดแผนไทย ห้องอาหาร ห้องคาราโอเกะ / ผับ ห้องประชุม / ห้องจัดสัมมนา บริการอินเทอร์เน็ต บริการรับส่ง บริการซัก อบ รีด
* สิ่งอำนวยความสะดวกบางประเภทอาจไม่มีบริการในบางห้อง
แพ็คเกจและโปรโมชั่นของโรงแรม
โปรโมชั่น พัก 4 คืน จ่าย 3 คืนใช้ได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2552 - 31 ตุลาคม 2552ห้องสุพีเรีย ราคา 4,050 บาทห้องดีลักซ์ ราคา 5,250 บาท เงื่อนไข- กรุณาจองล่วงหน้า ขึ้นอยู่กับห้องพักว่าง- ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นได้- ไม่คืนเงิน หากยกเลิกการจอง* ราคาและเงื่อนไขต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบกับทางโรงแรมอีกครั้ง แหล่งที่มา: โรงแรม/รีสอร์ท
แนะนำที่พักในจังหวัดเชียงใหม่++ที่พักน่าสนใจในจังหวัดเชียงใหม่++โรงแรมเชียงใหม่ เกต

ยินดีต้อนรับสู่ โรงแรม เชียงใหม่เกต ขอเชิญสัมผัสบรรยากาศอันอบอุ่นแบบล้านนา นับตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่โถงล็อบบี้ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม พนักงานยินดีต้อนรับทุกท่านด้วยไมตรีจิตและพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแห่งการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัวที่คุณต้องการที่ ... โรงแรม เชียงใหม่เกต ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาเดินแค่ 20 นาที ก็ถึงประตูท่าแพ และ 10 นาทีด้วยการเดินทางด้วยรถ ก็จะถึงสนามบินและไนท์บาร์ซ่าร์ และเดินแค่ 200 เมตรก็ถึงถนนคนเดินวัวลาย ซึ่งเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงเรื่องของเครื่องเงิน และยังมีสินค้าอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถนำกลับไปเป็นของฝากได้เป็นอย่างดี นอกจากห้องพักที่สะอาดและสวยงามแบบล้านนาแล้วนั้น โรงแรมเชียงใหม่เกต ยังเพรียบพร้อมไปด้วยบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ ห้องอาหาร ห้องประชุม สระว่ายน้ำ นวดไทย และ ห้องเสื้อ ไม่ว่าคุณจะมาพักผ่อน หรือมาติดต่อด้านธุรกิจ โรงแรมเชียงใหม่เกตยินดีต้อนรับท่านด้วยความอบอุ่นเป็นมิตร พร้อมด้วยการดูแลคุณด้วยใจและรอยยิ้ม
วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2552
Chiang Mai Zoo Picture (Not far from Chiang Mai Gate Hotel. Just on;y 30 MIN to reach there!!

อะควาเรียม






http://www.chiangmaigatehotel.com/
วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552
ที่พัก เชียงใหม่ ราคาถูก ใกล้ถนนคนเดิน ติดถนนคนเดิน โรงแรมเชียงใหม่ เกต
htp://www.chiangmaigatehotel.com rsvn@chiangmaigatehotel.com 053203895-9
ที่พัก+เชียงใหม่,โรงแรม+เชียงใหม่
htp://www.chiangmaigatehotel.com rsvn@chiangmaigatehotel.com 053203895-9
วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552
ประสบการณ์ผู้ที่เคยมาพัก โรงแรมเชียงใหม่เกต เอามาฝากกันค่ะ
ความคิดเห็นที่ 8
พอถึงจังหวัดเชียงใหม่ ก็ขับรถวนหาโรงแรมที่จองไว้ ทางเป็นวันเวย์มาถึงแรก ๆ ก็เอ๋อ ๆ งง ๆ วนไปมา ในที่สุดก็หาเจอจนได้
ผมจองโรงแรมเชียงใหม่เกต กับ Hotelclub ไว้ 2 คืน เพิ่มเงิน 11$
แต่ด้วยความตื่นเต้นดีใจที่หาโรงแรมเจอ ทำให้ลืมถ่ายรูปด้านหน้า T___T
เข้ามาดูในห้องเลยละกันครับ
ความคิดเห็นที่ 9
ห้องเป็น สไตล์โรงแรมปกติ พนักงานพูดจาดี ไม่เรื่องมาก ทำให้สงสัยว่าตั้งแต่ออกจากกรุงเทพมา พนักงานร้านอาหาร พนักงานโรงแรมตลอดทางมานี่พูดจาและบริการดีทีเดียว โดนติ๊บไปคนละ 20 นอกจากพี่ รปภ.ของทางโรงแรม คอยโบกรถ เข็นรถให้ทั้งวันให้พี่เค้าไปหาคาราบาวแดงกิน 50 บาท ดูเค้าดีใจและมีความสุขมาก
รูปอีกมุมหนึ่ง
มีไฟฉายฉุกเฉินภายในห้อง และตู้เซฟที่สภาพใหม่มากอยู่ในตู้ด้วยครับ
โต๊ะเครื่องแป้ง มีเสื้อมวยไทย วางขายด้วยราคาตัวละ 79 บาท
ความคิดเห็นที่ 14
อาหารเช้าเป็น american breakfast และก็ยังมีข้าวต้มและผลไม้
ส่วนของไข่ดาว และออมเล็ท จะเป็นการแจ้งพนักงานว่าจะใส่อะไรบ้าง
แล้วเค้าจะทอดให้ตรงนั้นเลย มองว่าร้อน ๆ สด ๆ มันก็ดี แต่ยืนทอดอยู่คนเดียว คนต่อคิวยาวมาก ถ้าหิวและอยากกินต้องอดทนนิดนึง
จากคุณ : BiGTeDDy - [ 5 ม.ค. 52 15:27:10 ]
วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552
โรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่,ที่พักในจังหวัดเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่เกต,ใจกลางเมืองเชียงใหม่,ใกล้ถนนคนเดิน,ถนนคนเดินเชียงใหม่,โรงแรมเชียงใหม่ใกล้ถนนคนเดิน, ราคาถูก, โปรโมชั่น,ไทยเที่ยวไทย

โรงแรมเชียงใหม่ เกต ใจกลางเมืองเชียงใหม่ ใกล้ถนนคนเดิน วันเสาร์ราคาถูก โทรสอบถามก่อนได้ค่ะ
11/10 ถ.สุริยวงศ์ ต.หายยาอ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 50100โทร: 0 5320 3895-9แฟ็กซ์: 0 5327 9085 อีเมล: rsvn@chiangmaigatehotel.com เว็บไซต์: http://www.chiangmaigatehotel.com/
ระดับดาว :
ห้องพัก :
120 ห้อง
ราคาห้องพัก :
1,000 - 4,000 THB
ยินดีต้อนรับสู่ เชียงใหม่ เกต โฮเทล, เชียงใหม่
ยินดีต้อนรับสู่ โรงแรม เชียงใหม่เกต ขอเชิญสัมผัสบรรยากาศอันอบอุ่นแบบล้านนา นับตั้งแต่ก้าวย่างเข้าสู่โถงล็อบบี้ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม พนักงานยินดีต้อนรับทุกท่านด้วยไมตรีจิตและพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแห่งการพักผ่อนและความเป็นส่วนตัวที่คุณต้องการที่ ... โรงแรม เชียงใหม่เกต ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ใช้เวลาเดินแค่ 20 นาที ก็ถึงประตูท่าแพ และ 10 นาทีด้วยการเดินทางด้วยรถ ก็จะถึงสนามบินและไนท์บาร์ซ่าร์ และเดินแค่ 200 เมตรก็ถึงถนนคนเดินวัวลาย ซึ่งเป็นแหล่งที่มีชื่อเสียงเรื่องของเครื่องเงิน และยังมีสินค้าอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถนำกลับไปเป็นของฝากได้เป็นอย่างดี นอกจากห้องพักที่สะอาดและสวยงามแบบล้านนาแล้วนั้น โรงแรมเชียงใหม่เกต ยังเพรียบพร้อมไปด้วยบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน อาทิ ห้องอาหาร ห้องประชุม สระว่ายน้ำ นวดไทย และ ห้องเสื้อ ไม่ว่าคุณจะมาพักผ่อน หรือมาติดต่อด้านธุรกิจ โรงแรมเชียงใหม่เกตยินดีต้อนรับท่านด้วยความอบอุ่นเป็นมิตร พร้อมด้วยการดูแลคุณด้วยใจและรอยยิ้ม
:: รายละเอียดห้องพัก
โรงแรม เชียงใหม่เกต ให้บริการห้องพักทั้งสิ้น 120 ห้อง ห้องพัก ได้รับการตกแต่งอย่างสวยวิจิตรในแบบล้านนา พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีให้บริการทั้งสิ้น 5 ประเภท คือ 1. ห้อง Standard จำนวน ทั้งสิ้น 64 ห้อง ขนาด 33.8 ตารางเมตร 2. ห้อง Superior จำนวนทั้งสิ้น 35 ห้อง ตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนา หรือ บูติค มี 2 แบบคือ ศรีสุพรรณ ซึ่งได้รับการตกแต่งแบบวัดศรีสุพรรณ คือ ตกแต่งด้วยเครื่องเงิน ซึ่งได้รับการแกะสลักที่สวยงาม ด้วยช่างฝีมือดีของชาวเหนือ และแบบธาตุคำ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจในการตกแต่งห้องพักอิงจากวัดธาตุคำ เช่น การลงลักปิดทองด้วยตัวอักษรตัวเมืองท้องถิ่น เป็นต้น ขนาด 20 ตารางเมตร3. ห้อง Deluxe จำนวน 18 ห้อง ตกแต่งด้วยสไตล์ล้านนา ขนาด 24 ตารางเมตร4. ห้อง Junior Suite จำนวน 2 ห้อง ตกแต่งโดยอิงจากวัดนันทาราม ประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น 5. ห้อง Royal Suite จำนวน 1 ห้อง ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ได้รับการตกแต่งโดยอิงจากวัดธาตุคำและวัดนันทาราม
Standard
ห้อง Standard คือห้องพักที่มีขนาดรวมห้องน้ำพื้นที่ 30 ตารางเมตร และมีระเบียงกว้าง 3.8 ตารางเมตร จำนวน 64 ห้อง มีทั้งเตียงขนาด King Size และ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล
ราคา : 1,000 บาท
Superior
ห้อง Superior คือห้องพักที่ได้รับการตกแต่งแบบล้านนา หรือบูติคสไตล์ โดยได้แรงบันดาลใจจากวัดศรีสุพรรณ และวัดธาตุคำ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในละแวกโรงแรมและมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวชัดเจน จำนวนทั้งสิ้น 35 ห้อง ขนาด 21 ตารางเมตร รวมห้องน้ำ ห้องนี้ไม่มีระเบียง มีทั้ง เตียงขนาด King Size และ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม
ราคา : 1,350 บาท
Deluxe
ห้อง Deluxe คือห้องพักที่ได้รับการตกแต่งโดยได้แรงบันดาลใจจากวัดศรีสุพรรณ และวัดธาตุคำ ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในละแวกโรงแรมและมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัวชัดเจน มีจำนวนทั้งสิ้น 18 ห้อง ขนาด 26 ตารางเมตร รวมห้องน้ำและระเบียง มีทั้ง เตียงขนาด King Size และ Twin Bed
ราคา : 1,750 บาท
Junior Suite
ห้อง Junior Suite ตกแต่งโดยอิงจากวัดนันทาราม ประกอบด้วย 1 ห้องนอน และ 1 ห้องนั่งเล่น มีจำนวนทั้งสิ้น 3 ห้อง ขนาด 45 ตารางเมตร มีแต่ Kingsize Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม ชุดชงกาแฟ
2500 บาท
Royal Suite
ห้อง Royal suite ตกแต่งโดยอิงจากวัดธาตุคำและวัดนันทาราม มี จำนวน 1 ห้อง ประกอบด้วย 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น มีแต่ Kingsize Bed สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องประกอบด้วย อ่างอาบน้ำ น้ำร้อน-เย็น เครื่องปรับอากาศทุกห้อง มินิบาร์ ผ้าเช็ดตัว Safety Box โทรทัศน์พร้อมช่องเคเบิ้ล Slipper และ ชุดคลุม ไดร์ เป่าผม ชุดชงกาแฟ
ราคา : 4,000 บาท
:: สิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพัก เครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ เคเบิ้ลทีวี ตู้เย็น ตู้นิรภัย โทรศัพท์สายตรง โทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศ ฝักบัว เครื่องทำน้ำอุ่น ไดร์เป่าผม อ่างอาบน้ำ ห้องอาหาร ห้องคาราโอเกะ / ผับ ห้องประชุม / ห้องจัดสัมมนา สระว่ายน้ำ สปา / นวดแผนไทย บริการอินเทอร์เน็ต บริการรับส่ง บริการซัก อบ รีด
* สิ่งอำนวยความสะดวกบางประเภทอาจไม่มีบริการในบางห้อง
:: ห้องอาหาร
- ห้องอาหาร1. ห้องอาหาร ปาล์มทรี ให้บริการอาหารนานาชาติ เปิดให้บริการเวลา 06.30 -24.00 น. จำนวนที่นั่ง 80 ท่าน โดยประมาณ มีดนตรี นักร้อง คาราโอเกะสด เริ่มเวลา 19.00-24.00 น.2. ลีฟวิ่ง บาร์
- Room Service 06.00-24.00 น.
:: สันทนาการ
1. สระว่ายน้ำ เปิดบริการ 10.00-24.00 ไม่มีสระเด็ก2. เคานท์เตอร์ทัวร์ บริการ จัดโปรแกรมทัวร์ เช่ารถยนต์ จักรยานยนต์ จองตั๋วเครื่องบิน 3. นวดแผนโบราณ นวดไทย นวดน้ำมัน นวดฝ่าเท้า 4. ซัก อบ รีด5. ห้อง Internet และ Wi fi 6. บาร์ริมสระน้ำ 7. รถรับ ส่ง สนามบิน รถไฟ อาเขต ท่านละ 70 บาท ต่อท่าน ต่อเที่ยว8. เทเลอร์เฮ้าส์ บริการตัดเสื้อสุภาพบุรุษและสตรี 9. ส่งฟรีไนท์บาร์ซ่าร์ทุกคืน เวลา 20.00 น.10. Lugguage Store 11. Taxi, TukTuk , 24 Security service 12. ลานจอดรถยนต์
:: ห้องประชุม/สัมมนา
ห้องประชุมสัมมนา จำนวน 1 ห้อง รองรับได้ 100 ท่าน สำหรับการจัดที่นั่งแบบ Theatre 70 ท่าน แบบห้องเรียน 50 ท่าน แบบตัวยู จัดเลี้ยง ต้องทำเรื่องเสนอราคามายังฝ่ายเซลล์
แพ็คเกจและโปรโมชั่นของโรงแรม
โปรโมชั่น พัก 4 คืน จ่าย 3 คืนใช้ได้ตั้งแต่ 1 สิงหาคม 2552 - 31 ตุลาคม 2552ห้องสุพีเรีย ราคา 4,050 บาทห้องดีลักซ์ ราคา 5,250 บาท เงื่อนไข- กรุณาจองล่วงหน้า ขึ้นอยู่กับห้องพักว่าง- ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นได้- ไม่คืนเงิน หากยกเลิกการจอง* ราคาและเงื่อนไขต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลง กรุณาตรวจสอบกับทางโรงแรมอีกครั้ง แหล่งที่มา: โรงแรม/รีสอร์ท
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ใกล้เคียงโรงแรมเชียงใหม่เกต อาทิตย์นี้ขอเสนอ วัดศรีสุพรรณ
วัดศรีสุพรรณ เป็นวัดที่มีประวัติยาวนาน ปัจจุบันคงเหลือร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธ ศาสนา ทั้งทางด้านศิลปกรรม สถาปัตยกรรมของล้านนาโบราณอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งปรากฏในรูปแบบต่างๆคือ ?หลักศิลาจารึกประวัติวัด? ที่จารึกด้วยอักษรฝักขามบนหินทรายแดง
ตามหลักศิลาจารึกของวัดศรีสุพรรณกล่าวไว้ว่า ในปี พ.ศ.2043 พระเจ้าพิลกปนัดดาธิราช หรือพระเมืองแก้ว กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ ในราชวงศ์มังราย และพระนางสิริยสวดี พระราชมารดาเจ้า โปรดเกล้าให้เจ้าหมื่นหลวงจ่าคำมหาอำมาตย์ นำพระพุทธรูปทองสำริดองค์หนึ่ง ซึ่งก็คือ ?พระพุทธปาฏิหาริย์? หรือ ?พระเจ้าเจ็ดตื้อ? ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำริด ปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสนผสมสุโขทัย มาประดิษฐานเป็นพระประธานในอุโบสถ ในคราวสร้างวัดชื่อว่า ?วัดศรีสุพรรณ?
วัดศรีสุพรรณอาราม ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาจากพระเจ้าพิลกปนัดดาธิร าช และอาราธนาพระสงฆ์ประกอบพิธีผูกพัทธสีมาเมื่อ พ.ศ.2052
สำหรับพระเจ้าเจ็ดตื้อ ที่มีอายุราว 509 ปีนี้ มีตำนานเล่าขานถึงการแสดงพุทธปาฏิหาริย์ นำความสำเร็จสมความปรารถนาแก่ผู้มาอธิษฐานจิต โดยเฉพาะผู้หญิง เป็นที่เคารพสักการะแก่ศรัทธาประชาชนเป็นอันมาก
นอกจากพระพุทธปาฏิหาริย์ ที่มีความเก่าแก่แล้ว ?หอไตร? ก็เป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณ ที่ใช้เป็นสถานที่เก็บคัมภีร์ใบลาน และใช้ประโยขน์อื่นๆของวัด
?วิหาร? ก็เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาโบราณเช่นเดียวกัน สร้างในสมัย ?เก็บผักใส่ซ้า เก็บข้าใส่เมือง? โดยพระเจ้ากาวิโรรส เมื่อประมาณ พ.ศ.2342 พระครูพิทักษ์สุทธิคุณ (สุพล สุทุธสีโล) เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันได้ทำการปฏิสังขรณ์ผสมศิลปะร่ว มสมัย โดยรักษาของที่มีอยู่เดิม
แล้วเพิ่มเติมงานศิลป์ชุดใหม่ คือ ภาพโพธิปักขิย ภาพเมืองนิพพาน ภาพ 12 พระธาตุประจำปีเกิด ภาพพุทธจักรวาล โดยใช้สีโทนทอง และสร้างภาพชุดทศชาติด้วยฝีมือช่างเครื่องเงินภูมิปั ญญาท้องถิ่นของชาวบ้าน ศรีสุพรรณ โดยทำด้วยอลูมิเนียมทำให้โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ วิหารหลังนี้ใช้เป็นศูนย์กลางประกอบศาสนกิจของวัดในป ัจจุบันมาโดยตลอด
ในส่วนของ ?พระบรมธาตุวัดศรีสุพรรณ? เป็นเจดีย์ที่ก่ออิฐถือปูนแบบล้านนา ฝีมือช่างหลวง ทรงองค์ระฆังกลม ตั้งบนฐานดอกบัวคว่ำบัวหงายแปดชั้นแปดเหลี่ยม ตั้งบนฐานรองรับทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สามสิบหก ได้มีการบูรณะมาหลายครั้งแล้ว
และด้วยความเก่าแก่ของวัดทำให้อุโบสถเดิมได้ชำรุดทรุ ดโทรมตามกาลเวลา ไม่เอื้อต่อการประกอบศาสนกิจ ของพระสงฆ์ กอปรกับกลุ่มศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณ ชมรมส่งเสริมสล่าล้านนา มีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่ต้องการจะสืบสาน ส่งเสริมภูมิปัญญาหัตถกรรมเครื่องเงิน ถนนวัวลาย ดังนั้นเมื่อ พ.ศ. 2547 จึงมีแนวคิดสร้าง อุโบสถเงินหลังแรกของโลก ให้เป็นสถาปัตยกรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา
โดย ?อุโบสถเงิน? หลังนี้ใช้วิธีการก่อสร้างจากฐานและพัทธสีมาและพระพุ ทธประธานในอุโบสถหลัง เดิม ลักษณะเป็นอุโบสถรูปทรงสถาปัตยกรรมล้านนา ก่อด้วยอิฐถือปูน ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 17.50 เมตร สูง 18 เมตร ประดับตกแต่งสลักลวดลายแนวประเพณีล้านนา ภายในศิลปกรรมแสดงถึงการเคารพสักการะพระรัตนตรัย คือ พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ ส่วนภายนอกศิลปกรรมแสดงสัญลักษณ์ของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์
ซึ่งลวดลายทุกส่วนล้วนสลักตกแต่งด้วยภูมิปัญญาเครื่อ งเงิน โดยใช้กรรมวิธี บุ คุนลวดลายด้วยแผ่นเงิน เงินผสม และวัสดุแทนเงิน(อลูมิเนียม) ทั้งภายในภายนอกรวมทั้งหลัง โดยถือว่าอุโบสถเงินหลังนี้จะเป็นแหล่งรวบรวมลวดลายศ ิลปะล้านนาและลวดลาย ประจำท้องถิ่น แม้ขณะนี้จะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์แต่ก็มีนักท่องเท ี่ยวไปเยี่ยมชมและกราบ ไหว้อยู่สม่ำเสมอ
ปัจจุบันวัดศรีสุพรรณ ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นงานช่า งสิบหมู่ สืบสานงานศิลป์จากภูมิปัญญาแห่งแผ่นดินสู่งานศิลป์ช่ างสิบหมู่ ส่งเสริมการท่องเที่ยวศิลปวัฒนธรรม อนุรักษ์ภูมิปัญญาพัฒนาสืบสานจารีตประเพณีท้องถิ่น สร้างฐานเศรษฐกิจชุมชนหัตถกรรมสล่าล้านนาอาทิ สล่าเงิน สล่าแกะ และสล่าหล่อ ฯลฯ นำภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่สากล